ในบรรดางานศิลปกรรมไทยที่คนไทยคุ้นเคยกันคงจะเป็นงานศิลปกรรมที่สร้างขึ้นเนื่องในความเชื่อทางศาสนา ซึ่งแต่ละพื้นที่ต่างก็มีรูปแบบที่แตกต่างหลากหลายกันออกไป โดยงานศิลปกรรมไทยสามารถจำแนกออกได้ 3 ประเภท คือ งานทางด้านสถาปัตยกรรม เช่น สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ, ที่เป็นอาคาร เจดีย์ ปราสาท ฯลฯ งานทางด้านประติมากรรม ซึ่งเป็นงานที่สร้างขึ้นมีลักษณะเป็นสามมิติด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การปั้น แกะสลัก หล่อ ทำด้วยวัสดุต่าง ๆ ทั้ง ดินเหนียว ไม้ หิน โลหะ ได้แก่ พระพุทธรูป รูปเคารพ ธรรมมาสน์ งานปูนปั้นประดับอาคาร ภาชนะเครื่องเคลือบ และงานทางด้านจิตรกรรม ซึ่งเป็นงานภาพเขียนสีทั้งเขียนบนผืนผ้า บนแผ่นไม้ (บานประตู บานหน้าต่าง เพดาน เสาร่วมในอาคาร) บนผนังปูน ได้แก่ ภาพเขียนจิตรกรรมเรื่องราวทางพุทธศาสนาในโบสถ์ วิหาร, ภาพเขียนพระบฏ, ภาพเขียนดาวเพดาน ฯลฯ
ในบรรดางานศิลปกรรมที่กล่าวมาข้างต้นจะพบว่าส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นเพื่ออุทิศหรือใช้ในทางศาสนา แต่ทั้งนี้งานประติมากรรมบางชิ้น เช่น ภาชนะเครื่องถ้วยเครื่องเคลือบ ก็เป็นงานที่ผลิตขึ้นไม่เพียงแต่เพื่อถวายให้กับทางวัดเท่านั้นแต่ยังเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้รูปแบบจะมีลักษณะลวดลายอย่างไทยแต่การผลิตและทำขึ้นนั้นกลับทำที่ประเทศจีน นั่นคือ “เบญจรงค์”
เบญจรงค์เป็นภาชนะเครื่องถ้วยชนิดหนึ่งของไทย ที่พัฒนามาจากการทำเครื่องภาชนะดินเผา ภาชนะเครื่องเคลือบ (ไม่เขียนลวดลาย) โดยเครื่องเบญจรงค์จะมีการเขียนลวดลายประดับรอบภาชนะ ส่วนหญ่เป็นลายไทยเช่น ดอกก้านแย่ง ลายดอกพุฒตาล ลายเทพพนม และนรสิงห์ เป็นต้น ตัวเบญจรงค์จะมีแม่สีหลัก 5 สี ได้แก่ สีขาว สีดำ สีเหลือง สีเขียวและสีแดง (จึงเป็นที่มาของคำว่า เบญจรงค์ เพราะ “เบญจ” แปลว่า ห้า และคำว่า “รงค์” แปลว่า สี นั่นเอง) เครื่องเบญจรงค์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ เครื่องเบญจรงค์ที่มาจากการติดต่อค้าขายกับจีนจะมีลวดลายอย่างจีน ปรากฏเป็นลายหัวอยู่อี้ ลายพรรณพฤกษาแบบจีนหรือภาพบุคคลที่แต่งกายแบบชาวจีน ส่วนอีกประเภทคือเครื่องเบญจรงค์ที่ไทยส่งแบบไปทำที่เมืองจีน ลวดลายเบญจรงค์จึงมีลวดลายแบบไทย ซึ่งการติดต่อซื้อขายเครื่องถ้วยเบญจรงค์ระหว่างไทยกับจีนมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว ซึ่งในอดีตส่วนมากใช้เป็นภาชนะสำหรับใส่อาหาร ทั้งชาม จานเชิง โถ ถ้วย กระโถน เป็นต้น ทั้งภาชนะที่น่าจะเป็นของชนชั้นสูงและของชาวบ้านทั่วไป โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเขียนลายคราม กลุ่มเขียนสีลงบนพื้น และกลุ่มไม่เขียนลาย ยกตัวอย่างเช่น การพบเศษชามเขียนสีสอดลายทอง ก้านขด มีรูปกินรรำ ขุดเจอที่ริมพระที่นั่งวิหารสมเด็จ ซึ่งโบราณวัตถุชิ้นดังกล่าวน่าจะเป็นของชนชั้นนำนั่นเอง นอกจากนี้การติดต่อซื้อขายเครื่องถ้วยเบญจรงค์ระหว่างไทยกับจีนก็ยังคงดำเนินเรื่อยมาจนถึงช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว ก่อนที่ในช่วงรัชกาลที่ 4-5 จานพิมพ์ลายและเครื่องแก้วแบบยุโรปจะเริ่มเข้ามาแทนที่มากขึ้นในที่สุด
อ้างอิง
วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. 5 นาทีกับศิลปไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ปาณยา, 2522.